ใครจะคาดคิดว่า คนที่เกิดมาตาบอด หูหนวก สูญเสียอวัยวะ หรือแม้กระทั่งสมองมีความผิดปกติ หรือที่เราเรียกว่า”คนพิการ”นั้น จะไม่สามารถทำอะไรได้ นอกเหนือจากเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตแล้ว สิ่งหนึ่งก็คือ พวกเขายังมีอุปสรรคในการเรียนอีกด้วย แม้แต่ในปัจจุบันนี้ คนพิการสามารถเข้าถึงสิทธิและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ที่จอดรถสำหรับคนพิการ ห้องน้ำสำหรับคนพิการ ทางลาดสำหรับวีลแชร์ รวมไปถึงการได้รับเบี้ยยังชีพคนพิการ และการยกเว้นหรือลดหย่อนค่าโดยสารสาธารณะ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะพูดนั้นก็คือ”การศึกษา”ครับ อย่างที่ทุกๆคนทราบกันดีว่า คนที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ สามารถเรียนฟรี จนจบปริญญาตรี(ปริญญาตรีใบแรก)เพราะในปัจจุบันนี้ มหาวิทยาลัยต่างๆ มีการรับโควต้าคนพิการ และอำนวยความสะดวกให้กับนักศึกษาพิการ เช่น ล่ามภาษามือ หนังสือเสียง ทางลาดสำหรับวีลแชร์ในอาคารเรียน เป็นต้น และสำหรับคนพิการที่มีอุปสรรคในการเรียน ทั้งเรื่องของความบกพร่องทางร่างกายและการสอบเข้า ก็ยังมีมหาวิทยาลัยเปิดอย่าง มสธ.(มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช) ซึ่งไม่มีการสอบเข้า ไม่ต้องเข้าชั้นเรียน และยังเป็นการสอนแบบทางไกล อยู่ที่บ้านก็เรียนได้ เป็นทางเลือกของคนพิการกลุ่มนี้ก็ได้นะครับ เพราะทุกวันนี้ คนพิการ สามารถเข้าถึงการศึกษากันได้ทุกคน บางคนจบปริญญาเอก บางคนได้เกียรตินิยม บางคนจบออกมารับราชการ และเป็นที่นับหน้าถือตาแล้ว ก็ยังเป็นความภาคภูมิใจของตัวเองและวงศ์ตระกูลอีกด้วย อย่างเช่นน้องนักศึกษาในภาพนี้ ที่เขาบกพร่องทางร่างกาย คือ ไม่มีมือทั้ง 2 ข้าง เขาก็ภาคภูมิใจที่เขาได้รับประกาศนียบัตรอะไรสักอย่างนึง […]
เนื่องด้วยที่ผมอยากแต่งนิทานสักเรื่องนึง ผนวกด้วยที่ผมมีเรื่องราวชีวิตของผมและความฝันของผมที่อยากจะเรียนมหาวิทยาลัยให้เป็นจริง ผมจึงมีความคิดที่อยากจะเขียนนิทานเรื่อง“ไก่น้อยอยากเรียนต่อ“นี้ เพื่อที่จะถ่ายทอด เรื่องราวและความฝันของผมให้เป็นจริง ผมกะว่านิทานเรื่องนี้ เผื่อมีสำนักพิมพ์สนใจนิทานของผมเอามาตีพิมพ์นะครับ นิทาน เรื่อง ไก่น้อยอยากเรียนต่อ กาลครั้งหนึ่ง มีไก่น้อยตัวหนึ่ง ไก่ตัวนี้เรียนดีมากๆ ไก่ตัวนี้เขาไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยเพราะเนื่องจากว่าบ้านฐานะยากจน และแม่ของไก่น้อยป่วย จึงต้องทำงานหาเงินไปให้แม่และเลี้ยงดูตัวเอง แม่ไก่ได้บอกกับไก่น้อยว่า“ถ้าแม่ไก่หายป่วยแล้วแม่ไก่อยากจะทำงานเพื่อส่งเสียให้ลูกได้เรียนสูงๆ เพื่อที่จะให้แม่ได้สบายใจซักที“ไก่น้อยก็บอกกับแม่ว่า“เราเองก็อยากจะเรียนต่อเหมือนกัน เราก็จะได้มีเพื่อน มีความรู้ และทำให้แม่ภูมิใจด้วยครับ“ วันหนึ่ง ไก่น้อยกำลังจะเดินทางไปทำงานที่ร้านของป้าเป็ด เพื่อนของไก่น้อยตอนสมัยที่ไก่น้อยยังเรียนก็ได้บอกกับไก่น้อยว่า“ทำไมไก่น้อยไม่เรียนกับพวกเราล่ะ เราคิดถึงไก่น้อยมากเลย เราไม่มีเพื่อนอย่างไก่น้อยเลย นี่พวกเราและเพื่อนกำลังจะจบปริญญาแล้วนะ“ไก่น้อยก็บอกกับเพื่อนๆว่าฎเราก็อยากจะเรียนกับพวกเพื่อนๆเหมือนกัน แต่บ้านเรายากจน และแม่ก็ชิงป่วยไปก่อน ขอบใจเพื่อนๆมากนะที่เป็นห่วงเรา“แล้วซักพักไก่น้อยก็หนีจากเพื่อนๆไป ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา คืนนั้นไก่น้อยเสียใจมากๆ แล้วคิดภายในใจว่า วันนั้นเราจะได้เรียนต่อและอยากให้แม่มีความสุขเสียที ไก่น้อยจึงได้วิงวอนเทวดาเพื่อให้ไก่น้อยได้สมหวังในสิ่งที่ไก่น้อยหวังเอาไว้ให้เป็นจริง ทันใดนั้นเทวดาได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้วบอกกับไก่น้อยว่า“เราได้ยินคำวิงวอนของเจ้าแล้ว เจ้าจงขอพรได้ 3 ข้อ“ ไก่น้อยได้ขอพรกับเทวดาว่า“ข้อ1.ขอให้ไก่น้อยได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย ข้อ2.ขอให้แม่ได้มีเงิน มีบ้าน มีอาชีพ และมีชีวิตที่ดีเหมือนคนอื่นๆ และข้อ3. ขอให้ไก่น้อยและแม่ได้มีความสุข ไก่น้อยได้ขอเพียงแค่นี้ขอรับ“ เทวดาก็ได้บอกกับไก่น้อยอีกว่า“เราจะให้ตามที่เจ้าขอ แต่จำไว้นะ เจ้าจะต้องขยัน อดทน เมตตา และกตัญญู แล้วสิ่งที่ขอนั้นจะเแ็นจริงทุกประการ“ แล้วจากนั้นเทวดาก็หายตัวไป […]
ผมเองเป็นออทิสติกตั้งแต่อายุ 3 ขวบครึ่ง ผมเองไม่มีพ่อ ผมมีคุณลุงเป็นเหมือนพ่อของผม แม่ของผมก็เป็นคนพิการทางจิตใจ ผมศึกษาในระดับชั้นอนุบาลที่โรงเรียนกรพิทักษ์ศึกษา จากนั้นผมก็มาเรียนชั้นประถม(การศึกษาพิเศษ)ที่โรงเรียนวัดหงษ์รัตนาราม จนมาเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนสุพรรณบุรีปัญญานุกูล จังหวัดสุพรรษบุรี ซึ่งผมขณะเรียนที่นั่น ผมได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปประกวดศิลปหัตถกรรมนักเรียนทั้งระดับภาคและระดับประเทศ ผมกวาดรางวัลเหรียญทองมามากมาย เช่น อ่านออกเสียง วาดภาพระบายสี และร้องเพลงไทยลูกทุ่ง พอเมื่อจบชั้นมัธยม ในใจผมก็อยากจะเรียนต่อมหาวิทยาลัย จนทางโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ ชวนผมให้มาเข้าร่วมโครงการจ้างงานบุคคลออทิสติก จนสามารถเข้าทำงานที่บ.ซิโนไทย โดยแรกๆนั้น ผมทำงานที่โครงกาารถไฟ้าสายสีน้ำเงิน แถวบางแค ในระหว่างที่ผมทำงานที่นั่น ผมได้รับรางวัลบุคคลออทิสติกดีเด่นของมูลนิธิออทิสติกไทย ได้เป็นวิทยากรรับเชิญของกรมสุขภาพจิตในวันสุขภาพจิตโลก ปี 2560 จนรางวัลสูงสุดของผมคือ รางวัลหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ซึ่งผมได้รับรางวัลประทานจากพระองค์โสม ในปีเดียวกัน ซึ่งเป็นเกียรติสูงสุดและเป็นเป็นรางวัลใหญ่ที่ทำให้ผมยืนอยู่ ณ จุดๆนี้ไปได้ หลังจากที่ความสุขของผมในช่วงนั้น แต่กลับกลายเป็นเมฆหมอกร้ายในพริบตา ในเดือน พฤศจิกายน 2560 ที่ทำงานแถวบางที่ผมทำงานเกือบ 4 ปี ก็ได้ปิดโครงการลง ผมได้ย้ายไปอยู่ที่โรงหล่อนนทบุรี ซึ่งไกลจากกรุงมากๆ แรกๆที่ผมทำงานที่นั่น ผมมีความสุขดี แต่พอหลังๆผมก็แรงกดดันจากเพื่อนร่วมงาน อีกยังที่ทำงานไกล รวมไปถึงผมกลับบ้านดึก และยังทำงานอาทิตย์ละ […]